เป็นเมืองหลวงของแคว้นเวเนโต ประเทศอิตาลี ดินแดนแสนโรแมนติก เป็นเมืองที่ไม่เหมือนใคร โดยใช้เรือแทนรถ ใช้คลองแทนถนน มีสมญานามว่าเป็น "ราชินีแห่งทะเลเอเดรียติก" มีเกาะน้อยใหญ่กว่า 118 เกาะ และมีสะพานเชื่อมถึงกันกว่า 400 แห่ง ขึ้นฝั่งที่บริเวณซานมาร์โค ศูนย์กลางของเกาะเวนิส
เป็นสะพานซุ้มโค้งสูงขึ้นที่อยู่เหนือแม่น้ำที่เป็นเส้นทางเชื่อมระหว่างเรือนจำและพระราชวัง สะพานอันงดงามที่แสนโรแมนติกแห่งนี้เป็นสะพานที่มีเรื่องราวน่าสนใจในอดีต เมื่อนักโทษที่เดินออกจากห้องพิพากษาไปสู่คุกจะได้มีโอกาสเห็นแสงสว่างและโลกภายนอกเป็นครั้งสุดท้ายระหว่างเดินผ่านช่องหน้าต่างที่สะพานนี้ ซึ่งเชื่อมต่อกับวังดอดจ์ (Doge’s Palace) อันเป็นสถานที่พำนักของเจ้าผู้ครองนครเวนิสในอดีต ซึ่งนักโทษชื่อดังที่เคยเดินผ่านสะพานนี้มาเเล้วคือ คาสโนว่า นั่นเอง
เป็นจัตุรัสกลางเมืองเวนิสที่ล้อมรอบด้วยสถาปัตยกรรมอันงดงาม โปเลียนเคยกล่าวไว้ว่า “เป็นห้องนั่งเล่น ที่สวยที่สุดในยุโรป”
เป็นโบสถ์ประจำเมืองของเวนิส มีฉายาว่าโบสถ์ทอง (Church of Gold) ตั้งอยู่ที่จัตุรัสซันมาร์โก ตัวโบสถ์สร้างด้วยสถาปัตยกรรมหลายยุคหลายสมัยตั้งแต่ยุคไบแซนไทน์จนถึงยุคเรอเนสซองส์ มีการประดับอย่างงดงามด้วยโมเสก และประติมากรรมต่างๆ แสดงถึงความอุดมสมบูรณ์ อำนาจ และ ความมั่งคั่งของเวนิส จุดกำเนิดของโบสถ์แห่งนี้มาจากการที่พ่อค้าชาวเวนิส ได้ขโมยศพของนักบุญมาร์ก (St. Mark) ผู้ซึ่งเป็นที่นับถือในเวนิสในฐานะนักบุญผู้เผยแผ่ศาสนาที่อิยิปต์ มาจากเมืองอเล็กซานเดรียในอียิปต์ เมื่อปี ค.ศ.828 แล้วนำมาถวายเจ้าผู้ครองเมืองเวนิสในขณะนั้น ซึ่งเจ้าผู้ครองเมืองก็ได้สร้างโบสถ์นี้ไว้เก็บศพของนักบุญมาร์กเพื่อให้เป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของประชาชน
เป็นมหาวิหารที่มีสถาปัตยกรรมแบบกอธิค อันได้ชื่อว่าเป็นวิหารแบบกอธิคที่ใหญ่ที่สุดในโลกที่ตั้งอยู่ที่จัตุรัสกลางเมืองมิลาน เป็นแลนด์มาร์คสำคัญอันเป็นสัญลักษณ์ของมิลาน
เป็นห้างสรรพสินค้าที่เก่าแก่ที่สุดของอิตาลีและเป็นหนึ่งในห้างสรรพสินค้าที่เก่าแก่ที่สุดในโลก ที่ตั้งอยู่ในใจกลางเมืองมิลาน ได้รับการออกแบบโดยสถาปนิก Giuseppe Mengoni ในช่วงระหว่างปี 1865 ถึงปี 1877 มี Town House Galleria โรงแรมระดับ 5 ดาวตั้งอยู่ภายใน อยู่ติดกับโบสถ์ที่เป็นแลนด์มาร์คหลักของเมืองมิลาน คือ มหาวิหารมิลาน(Milan Cathedral)
มีความหมายตามภาษาละตินว่า เมืองระหว่างทะเลสาป เมืองอินเตอร์ลาเคนนี้ เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ระหว่างสองทะเลสาป คือ ทะเลสาบเบรียนซ์ (Lake Brienz) และ ทะเลสาบทูน (Lake Thun) อีกทั้งยังเป็นทางขึ้นยอดเขาที่จะทำให้คุณเห็นธารน้ำแข็งซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก
อีกหนึ่งหมู่บ้านเล็กที่ตั้งอยู่เชิงเขา ซึ่งเป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับการพักผ่อนในช่วงวันหยุด เพลิดเพลินไปกับการใช้เวลาว่างออกสำรวจความงดงามอยู่ท่ามกลางธรรมชาติอันยอดเยี่ยม ซึ่งรวมถึงยอดเขาชื่อก้องโลกทั้ง 3 แห่งอย่าง ไอเกอร์ (Eiger), ไอเกอร์ (Monch) และจุงเฟรา (Jungfrau)
ซึ่งเป็นสถานีรถไฟที่สูงที่สุดในยุโรป (Top of Europe) ความสูง 3,454 เมตร
มีความหมายว่า สาวน้อย เป็นยอดเขาที่สูงที่สุดของยุโรป มีความสูง 4,158 เมตร (13,642 ฟุต) เป็นสถานที่ที่ขึ้นชื่อในเรื่องความงาม ได้รับการยกย่องว่า เป็น Top of Europe ยอดเขาจุงเฟรา มีจุดชมวิวที่สูงที่สุดในยุโรปแห่งนี้ มองเห็นได้กว้างไกลที่สุด ณ จุด 3,571 เมตร ได้รับการจดทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโก เมื่อปี ค.ศ. 2007
ถ้ำน้ำแข็งพันปีที่ไม่มีวันละลาย เกิดจากการขุดเจาะใต้ธารน้ำแข็ง Glacier ลึกลงไป 30 เมตร ภายในจะมีผลงานศิลปะเป็นน้ำแข็งแกะสลักอยู่ตามจุดต่างๆให้เรามาถ่ายรูปเป็นที่ระลึกกัน
จุดชมวิวที่สูงที่สุดในยุโรป ที่ระดับความสูงถึง 3,571 เมตร สามารถมองเห็นได้กว้างไกลที่ถึงชายแดนสวิส
อดีตหัวเมืองโบราณของสวิสเซอร์แลนด์ เมืองที่อยู่เกือบใจกลางประเทศ เป็นดินแดนที่ได้รับสมญานามว่า หลังคาแห่งทวีปยุโรป เพราะนอกจากจะมีเทือกเขาสูงเสียดฟ้าอย่างเทือกเขาแอลป์แล้ว ก็ยังมีภูเขาใหญ่น้อยสลับกับป่าไม้ที่แทรกตัวอยู่ตามเนินเขาและไหล่เขา สลับแซมด้วยดงดอกไม้ป่าและทุ่งหญ้าอันเขียวชอุ่ม เมืองลูเซิร์นตั้งอยู่ฝั่งด้านตะวันตกเฉียงเหนือของทะเลสาบลูเซิร์น ที่มีชื่อเรียกว่าทะเลสาบสี่แคว้นแดนป่าไม้ ตรงบริเวณปากแม่น้ำรอยซ์
เป็นอีกไฮไลท์หนึ่งของลูเซิร์น นักประติมากรรมชาวเดนมาร์ก Bertel Thorvaldsen เป็นผู้ออกแบบ “สิงโตลูเซิร์น” ซึ่งสร้างขึ้นเพื่อรำลึกถึงทหารสวิสกว่า 600 นายที่เสียชีวิตในสมัยปฏิวัติฝรั่งเศส อนุสรณ์ขนาดใหญ่นี้เป็นการแกะสลักบนผิวหินทรายของบ่อหินเก่า ซึ่งมาร์ก เทวนได้กล่าวไว้ว่านี่เป็น “หินที่ดูเศร้าและสะเทือนใจที่สุดในโลก”
ทอดข้ามแม่น้ำรอยซ์และมีอายุยาวนานมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 14 สะพานชาเพลเป็นสะพานมุงหลังคาที่เก่าแก่ที่สุดในยุโรปและประดับด้วยภาพวาดเก่าแก่มากมายให้นักท่องเที่ยวได้ชมขณะเดินไปบนสะพาน อย่าลืมชมหอคอยกลางน้ำ (Water Tower) ซึ่งสมัยก่อนเคยใช้เป็นคุกและห้องทรมาน สะพานชาเพลสองในสามส่วนได้รับความเสียหายจากเหตุเพลิงไหม้ในปี 1993 และได้รับการบูรณะอย่างดีตั้งแต่นั้นมา
เป็นเมืองที่มีชื่อเสียงในเรื่องของไวน์ชั้นเลิศ และยังเป็นเมืองหลวงของแคว้นเบอร์กัน (Burgundy region) ที่ตั้งอยู่ทางภาคตะวันออกของประเทศฝรั่งเศส ผ่านชมอาคารบ้านเรือนสมัยเรเนสซองส์ โบสถ์และวิหารเก่าแก่ในสมัยยุคกลาง ซึ่งมีจุดเด่นคือ การมุงหลังคาด้วยกระเบื้องสีแดงสดจัดเรียงเป็นลวดลายงดงาม
เมืองหลวงของประเทศฝรั่งเศส เมืองที่มีมนต์เสน่ห์อันเหลือล้น ติดอันดับ 1 ใน 10 ของโลก ที่นักท่องเที่ยวอยากมาเยือนมากที่สุด ปัจจุบันกรุงปารีสเป็นหนึ่งในศูนย์กลางทางเศรษฐกิจและวัฒนธรรมที่ล้ำสมัยแห่งหนึ่งของโลก ที่ทรงด้วยอิทธิพลของการเมือง การศึกษา บันเทิง สื่อ แฟชั่น วิทยาศาสตร์ และศิลปะ ทำให้กรุงปารีสเป็นหนึ่งในเมืองที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของโลก
เป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมของฝรั่งเศสที่ได้รับการขึ้นทะเบียนโดยยูเนสโก้เมื่อปี 1979 ต้องเล่าว่านี่คือหนึ่งในหน้าตาของฝรั่งเศสที่ฉายชัดถึงความยิ่งใหญ่และหรูหราสมบูรณ์แบบมาตั้งแต่ในอดีต พระราชวังสร้างในรูปแบบสถาปัตยกรรมสไตล์คริสต์ศตวรรษที่ 17 และ 18 ภายในประกอบด้วยห้องถึง 700 ห้อง รูปภาพทรงคุณค่า 6,123 ภาพ และงานแกะสลักจากศิลปินชั้นเอก 15,034 ชิ้น โดยมีห้องกระจก (Galerie des Glaces หรือ The Hall of Mirrors) อันแสนโด่งดังจากการเป็นห้องลงนามในสัญญาสงบศึกระหว่างสัมพันธมิตรกับจักรวรรดิเยอรมัน ในสงครามโลกครั้งที่ 1 ซึ่งถือเป็นห้องแห่งประวัติศาสตร์ที่สำคัญทั้งยังมีขนาดใหญ่จำนวน 17 บาน ที่สามารถเป็นจุดชมวิวทัศน์ของสวนแวร์ซายที่สวยงาม
เป็นหนึ่งในผู้ให้บริการเรือนำเที่ยวในแม่น้ำแซนยอดนิยมเจ้าหนึ่ง อีกทั้งยังเป็นบริษัททัวร์ที่ดำเนินกิจการทางเรือที่เก่าแก่ที่สุดในกรุงปารีสด้วย ซึ่งเส้นทางการล่องเรือไปตามแม่น้ำแซนที่ไหลผ่านใจกลางกรุงปารีส ชมความสวยงามของสถาปัตยกรรมอันคลาสสิคของอาคารต่างๆตลอดสองฝากฝั่งแม่น้ำ
เป็นหนึ่งในมหาวิหารชื่อดังของโลก ที่จารึกในประวัติศาสตร์ชั้นเอกของสถาปัตยกรรมกอธิคที่สวยงามทั้งภายนอก-ภายใน มีผลงานแกะสลักอย่างวิจิตรงดงามเกี่ยวกับศาสนาและวัฒนธรรม สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวมากมายจากทั่วทุกมุมโลก มหาวิหารแห่งนี้ ถือเป็นมหาวิหารแห่งแรกที่สร้างในสไตล์โกธิค ตัวอาคารมีความสูงวัดถึงยอดอยู่ที่ 69 เมตรโดยมีระยะเวลาการก่อสร้างนานหลายยุคสมัย ตั้งแต่ ค.ศ. 1163 จนสร้างแล้วเสร็จเมื่อ ค.ศ. 1345 โดยมีการปรับปรุงซ่อมแซมในส่วนที่เสียหายอยู่เรื่อยๆ
เป็นสถานที่แห่งความทรงจำทางประวัติศาสตร์การนองเลือดครั้งใหญ่ในกรุงปารีส!! เป็นสัญลักษณ์ของสงครามกลางเมืองและการปฏิวัติการปกครองของฝรั่งเศส รวมทั้งเป็นจุดจบของพระเจ้าหลุยส์ที่ 16 พร้อมกับพระนางมารีอังตัวเนต ด้วยเครื่องประหารกิโยติน
เป็นหนึ่งในถนนที่มีชื่อเสียงโด่งดังในฝรั่งเศส สวรรค์ขาช้อปตัวแม่!! ย่านศูนย์การค้าระดับพรีเมียม แหล่งรวมสินค้าแบรนด์ดังระดับโลกทุกแบรนด์!!ร้านอาหารที่มีความหรูหราอลังการและอีกมากมายที่สร้างความตื่นตาตื่นใจตลอดสองข้างทาง ถือว่าเป็นย่านธุรกิจที่สำคัญของกรุงปารีส ย่านการค้าที่มีค่าเช่าที่แพงที่สุดในโลก
ถูกสร้างขึ้นโดยคำสั่งของนโปเลียน ระหว่างปี ค.ศ.1806 – 1836 เพื่อเป็นการสดุดีวีรชนทหารกล้าที่ได้ร่วมรบเพื่อปกป้องประเทศฝรั่งเศส และเป็นการประกาศความเกรียงไกรของกองทัพฝรั่งเศส หลังจากที่ชนะสงครามนโปเลียน ในปัจจุบันยังเป็นสุสานของทหารนิรนามอีกด้วย
หอไอเฟลเป็นหอคอยสร้างด้วยโครงเหล็ก สูงถึง 300 เมตร ตั้งอยู่บนถนน ชองป์ เดอ มารส์ บริเวณแม่น้ำแซน ในกรุงปารีส ถือเป็นสัญลักษณ์ของประเทศฝรั่งเศส ใครที่มาเที่ยวปารีสเป็นต้องไม่พลาดการถ่ายรูปคู่กับหอไอเฟล
เป็นหนึ่งในแบรนด์น้ำหอมที่เก่าแก่ที่สุดในฝรั่งเศส มีต้นกำเนิดที่เมืองกราสส์ มีอายุเกือบ 100 ปี และปัจจุบันยังเป็นกิจการของครอบครัวที่ก่อตั้ง น้ำหอมและเครื่องประทินผิวของฟราโกนาร์ดมีชื่อเสียงในหมู่คนเล่นเครื่องหอม แต่หาซื้อไม่ได้ง่ายๆ นอกประเทศ การทำมิวเซียมดีๆ ฟรีให้คนทั่วไปเข้าชมข้างร้านสาขาปารีสเป็นวิธีที่ทำให้แบรนด์มีคุณค่า น่ารู้จักและน่าช้อปมากขึ้น
เป็นห้างหรูที่มีชื่อเสียงมากที่สุดแห่งหนึ่งของปารีส ภายในอาคารที่มีสถาปัตยกรรมที่สวยงาม เปิดให้บริการครั้งแรกในปี ค.ศ.1912 สถานที่แห่งนี้เป็นสวรรค์ของนักช็อปปิ้งสินค้าแบรนด์เนมที่ นิยมความหรูหรา ล้ำสมัย ทั้งเสื้อผ้า เครื่องประดับ ผลิตภัณฑ์ตกแต่งภายใน เครื่องสำอาง สินค้าทุกชิ้นที่นี่ถูกอัพเดท ให้ใหม่ล่าสุดไม่ตกเทรนด์อยู่ตลอดเวลา เรียกว่าอะไรใหม่ๆมา แกลเลอรี่ ลาฟาแยตต์มีของก่อนห้างอื่นๆเสมอ