เป็นเมืองหลวงของประเทศสโลวาเกีย และเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ ซึ่งตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของสโลวาเกียบน 2 ฝั่งของแม่น้ำดานูบ มีอาณาเขตติดกับประเทศออสเตรียและประเทศฮังการี จึงเป็นเมืองหลวงแห่งเดียวในโลกที่มีอาณาเขตติดต่อกับ 2 ประเทศ เมืองนี้และเวียนนายังเป็นเมืองหลวง 2 แห่งที่ตั้งอยู่ใกล้กันมากที่สุดในยุโรป โดยตั้งอยู่ห่างกันไม่ถึง 60 กิโลเมตร
ซึ่งตั้งอยู่ยอดเนินเหนือแม่น้ำดานูบ ที่หมายอันโดดเด่นบนเส้นขอบฟ้าของบราติสลาวาแห่งนี้เป็นอาคารที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของเมือง โดยมีหอคอยที่มุมสี่ด้านและขลิบหลังคาสีแดงบนตัวอาคารขนาดใหญ่สีขาว ส่วนในเวลากลางคืนจะเห็นปราสาทอาบแสงไฟเป็นสีทองเรืองรอง
เป็นเมืองหลวงของประเทศฮังการี ที่รวมเอาเมือง 2 เมืองเข้าด้วยกัน คือเมืองบูดา อยู่ทางตะวันตก และเมืองเปสต์ อยู่ทางตะวันออก ส่วนตรงกลางคือแม่น้ำดานูบ เมืองบูดาเปสต์มีความงดงามทางประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และธรรมชาติมากมาย จนได้รับการขนานนามว่า “ราชินีแห่งแม่น้ำดานูบ” และได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในเขตเมืองมีความโดดเด่นที่สุดในโลก
เป็นหนึ่งในสะพานที่สวยที่สุดในยุโรปที่สร้างข้ามแม่น้ำดานูบ (Danube River) ถือว่าเป็นสัญลักษณ์อีกแห่งหนึ่งของกรุงบูดาเปสต์ (Budapest) ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ปี 1839 โดยวิศวกรชาวอังกฤษชื่อ William Tierney Clark เป็นสะพานโซ่ขนาดใหญ่แห่งแรกที่เชื่อมระหว่างฝั่งบูดาและฝั่งเปสต์ ซึ่งเหล็กและวัสดุทั้งหมดได้นำมาจากประเทศอังกฤษทั้งสิ้น ที่คอสะพานเชนมีรูปปั้นหินแกะสลักรูปสิงห์โตนอนหมอบอยู่ทั้งสองข้าง
เป็นสภาที่สวยที่สุดในโลกและใหญ่ที่สุดในยุโรป โดดเด่นอยุ่ริมแม่น้ำดานูบบนฝั่งเปสต์ ตัวอาคารเป็นศิลปะแบบนีโอโกธิค ถูกตกแต่งด้วยทองคำถึง 40 กิโลกรัม อัญมณีกว่า 500,000 ชิ้น และมีโครงสร้างตรงกลางเป็นโดมสูง 96 เมตร ใช้เวลาสร้างนานถึง 20 ปี กว่าจะเนรมิตสิ่งก่อสร้างสุดตระการตานี้เสร็จสิ้น
เป็นอนุเสาวรีย์ที่สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1896 เพื่อเป็นอนุสรณ์ครบรอบ 1,000 ปี แห่งชัยชนะของฮังการี เสาสูงตระหง่านของอนุสาวรีย์เป็นที่ตั้งของรูปหล่อเทวทูตกาเบรียล อันเป็นสัญลักษณ์ของคริสตจักรคาทอลิก รอบเสาสูงเป็นที่ตั้งของรูปหล่อผู้นำของชนเผ่าทั้ง 7 ที่ร่วมกันก่อตั้งอาณาจักรฮังการีขึ้นเมื่อคริสต์ศตวรรษที่ 9
นับว่าเป็นอีกหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงามและต้องไม่พลาดเมื่อมาเที่ยวกรุงบูดาเปสต์ ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ปี 1895 เป็นป้อมปราการสีขาวสไตล์นีโอโกธิค ได้สร้างขึ้นเพื่อรำลึกถึงความกล้าหาญของเหล่าชาวประมงที่เสียสละชีวิตเพื่อปกป้องบ้านเมืองแห่งนี้ไว้ ภายในมีหอสังเกตการณ์ทั้งหมด 7 แห่ง ซึ่งเป็นสัญลักษณ์แทนชนเผ่าแม็กยาร์ ป้อมปราการนี้จะตั้งตระหง่านอยู่บนสุดของ Castle Hill ทำให้สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์อันสวยงามของแม่น้ำดานูบ สะพานเชน และอาคารรัฐสภาฮังการีได้ในแบบพาโนรามาเลย
โบสถ์นี้เคยใช้จัดพิธีสวมมงกุฎให้กษัตริย์มาแล้วหลายพระองค์ ชื่อโบสถ์มาจากชื่อกษัตริย์แมทธิอัส ซึ่งพระองค์ทรงเป็นกษัตริย์ที่ทรงพระปรีชาสามารถมาก ในสมัยของพระองค์ถือว่าเป็นสมัยฟื้นฟูศิลปวิทยาอย่างแท้จริง สิ่งก่อสร้างที่งดงามเกิดขึ้นมากในเมืองหลวงและเมืองอื่นๆ ซึ่งโบสถ์นี้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโก้เรียบร้อยแล้ว
แม่น้ำดินแดนโรแมนติคของประเทศฮังการี ชมความงดงามของอาคารรัฐสภาและอาคารสถาปัตยกรรมต่าง ๆ ที่โดดเด่นและสวยงามเรียงรายสองฝั่งแม่น้ำดานูบ มนต์เสน่ห์ที่ไม่เสื่อมคลาย และรับการยกย่องว่าเป็นเมืองโรแมนติกบนสายน้ำแห่งหนึ่งของโลก
เมืองหลวงของสาธารณรัฐ เช็ก (Czech หรือ Czechia) ดินแดนที่ชื่อว่า มงกุฎแห่งยุโรป (Crown of Europe) เนื่องจากมีความสวยงามและเงียบสงบอยู่ท่ามกลางขุนเขาและเป็นศูนย์กลางอาณาจักรที่ว่ามาแต่โบราณ จึงเต็มไปด้วยเรื่องราว เรื่องเล่า และสถาปัตยกรรมที่สวยงามและยังมีภาษาของตนเอง เรียกว่า Praha อ่านว่า ปรา-หะ
สร้างขึ้นในปี ค.ศ.885 เคยเป็นปราสาทของกษัตริย์แห่งเช็กในอดีต อีกทั้งเคยได้รับการรับรองจากกินเนสส์บุ๊ก ว่าเป็นปราสาทโบราณที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยมีความยาวประมาณ 570 เมตร และความกว้างประมาณ 130 เมตร แต่ปัจจุบันรัฐบาลทำเป็นทำเนียบประธานาธิบดี, มหาวิหารเซนต์วิตุส (St. Vitus Cathedral) สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1344 ด้วยศิลปะแบบโกธิค แต่แล้วเสร็จสมบูรณ์ในปี ค.ศ.1929 เป็นที่เก็บมงกุฎเพชรซึ่งทำขึ้นในสมัยพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 4 กษัตริย์ผู้สร้างความเจริญสูงสุดจนทำให้เมืองปราก
ซึ่งมีการสร้างผ่านสถาปนิกหลายคนตั้งแต่ศตวรรษที่ 13 จนจบโครงการที่ศตวรรษที่ 19 จึงมีศิลปะผสม ระหว่างโกธิค นีโอ-โกธิค ภายในประดับด้วยกระจกโมเสคสี (บางส่วนจากฝรั่งเศส) ที่เก็บพระธาตุท่อนแขนของนักบุญวิตุส มีสุสานกษัตริย์แห่งโบฮีเมียหลายพระองค์ ด้านนอกมีภาพกระเบื้องโมเสกเกี่ยวกับวันพิพากษา นักบุญดังกล่าวถือว่าเป็นนักบุญอุปถัมภ์ประเทศนี้ และมีโลงศพศิลปะเงินของนักบุญ St.Nepomuk ตระการตามาก และวิหารแห่งนี้มีความสำคัญถือว่าเป็นจุดรวมใจชาวปรากอีกด้วย
ตั้งอยู่ใจกลางเมืองเก่า แวดล้อมด้วยสถาปัตยกรรมบารอค กอธิค และรอโคโคที่อลังการ จัตุรัสเมืองเก่าเป็นอีกย่านที่น่านั่ง มีคาเฟ่หลายร้านให้เลือก หรืออาจจะเช่าม้าหรือรถม้านั่ง เดินสำรวจตลาด หรือแม้แต่ชมหอนาฬิกาดาราศาสตร์
ร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ.1357 เพื่อแทนที่สะพานจูดิธซึ่งสร้างมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 12 ในปัจจุบันสะพานชาร์ลส์เป็นจุดท่องเที่ยวยอดนิยมแห่งหนึ่ง สวยโดดเด่นไม่ว่าจะเป็นเวลากลางวันหรือกลางคืน ทัศนียภาพของสะพานนี้จะสวยงามยิ่งขึ้นในช่วงเช้าตรู่และยามตะวันตกดิน
อยู่ทางตอนใต้ของสาธารณรัฐเช็ก ห่างจากปรากไป 180 กิโลเมตร เมืองเล็ก โรแมนติก ดั่งเทพนิยาย ที่ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำวฤตาว่าตอนต้นใกล้แหล่งกำเนิดของแม่น้ำ ก่อนที่จะไหลต่อไปเป็นกระแสน้ำสายใหญ่ผ่านกรุงปราก ช่วงที่แม่น้ำวฤตาว่าไหลผ่านเชสกี้ ครุมลอฟดูเหมือนเป็นเพียงลำธารเล็ก ๆ สายน้ำคดไปเคี้ยวมาเหมือนรูปตัว S จนทำให้ภูมิทัศน์ของตัวเมืองดูราวกับหยดน้ำที่กำลังจะร่วงหล่นจากขั้ว มีความโดดเด่นคือเป็นเมืองที่มีอาคารเก่าแก่ตั้งแต่ยุคกลางกว่า 300 หลัง ได้รับการอนุรักษ์และขึ้นทะเบียนจากองค์การยูเนสโก้ให้เป็นเมืองมรดกโลกในปีค.ศ.1992 ไว้ให้เป็นสถานที่สำคัญแห่งหนึ่งของโลก
เป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดลำดับที่ 4 ในประเทศออสเตรีย เมืองที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นบ้านเกิดของคีตกวีชื่อดังระดับโลกอย่าง “โมสาร์ท Mozart” และสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์ระดับโลกอย่าง The Sound of Music ที่โด่งดัง ที่นี่เต็มไปด้วยศิลปะแบบบาโรก จนได้ชื่อว่าเป็นนครหลวงแห่งศิลปะบาโรก และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก
เป็นแม่น้ำอยู่ในปนะเทศออสเตรียและไหลผ่านไปยังประเทศเยอรมัน มีความยาวประมาณ225 กิโลเมตร (140 ไมล์) แม่น้ำ Salzach จะไหลมาบรรจบกับแม่น้ำชื่อSaalachที่กั้นชายแดนระหว่างออสเตรียกะเยอรมันนี
เป็นจัตุรัสย่านกลางเมืองอยู่ใกล้มหาวิหารแห่งเมืองซาลส์บวร์ก ( Salzburg Cathedral) มีน้ำพุสไตล์บาโรก เป็นจุดเด่นของจัตุรัสนี้
สร้างขึ้นเพื่อที่จะรำลึกถึง โวล์ฟกัง อะมาเดอุส โมซาร์ท (Wolfgang Amadeus Mozart) นักดนตรีเอกของโลก โมสาร์ทนั้นเป็นนักประพันธ์ดนตรีคลาสสิกชาวออสเตรียที่มีชื่อเสียงก้องโลก โมซาร์ทเกิดที่เมืองซัลสบูร์ก เขามีงานประพันธ์เพลง 700 ชิ้นรวมทั้งโอเปร่า (ดนตรีซึ่งมีเนื้อเรื่อง) ชื่อ ดอน โจวานนี (Don Giovanni) และ ขลุ่ยวิเศษ (Die Zauberflöte) ปัจจุบันผลงานต่าง ๆ ของเขาได้ถูกนำมาจัดจำหน่ายเป็นสื่อต่าง ๆ มากมาย และที่เมืองซัลสบูร์ก ประเทศออสเตรีย ยังมีอนุสาวรีย์ของโมสาร์ทอยู่ที่นั่น เหตุเพราะว่าโมสาร์ทได้เกิดที่เมืองแห่งเกลือนี้
สร้างในสมัยเรอเนซองส์ตอนปลาย-บารอคตอนต้น ถือเป็นโบสถ์บารอคยุคแรกสุด สร้างขึ้นใหม่เพื่อแทนโบสถ์หลังเดิมที่ถูกไฟไหม้ใหญ่ มหาวิหารหลังนี้ถูกระเบิดสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ถล่มเสียหาย ต่อมาได้รับการบูรณะให้งดงามดังเดิม
มีบ้านเรือนที่ตั้งอยู่เรียงรายบนถนนสายนี้ถูกสร้างขึ้นในศตวรรษที่ 15-18 ลักษณะเด่นคือมีลานบ้านที่มีหลังคาอันสวยงาม ป้ายเหล็กที่ทำด้วยมือและกรอบหน้าต่างเป็นภาพปูนปั้นแกะสลัก ปัจจุบันเป็นย่าน shopping ที่มีร้านค้าแบรนด์เนมมากมายและมีสถานที่ที่น่าสนใจมาก
เมืองที่ได้ชื่อว่า "เมืองริมทะเลสาบ ที่สวยที่สุดในโลก" และมีอายุกว่า 4,500 ปี ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก ฮอลล์สตัทเป็นที่รู้จักกันในเรื่องการผลิตเกลือในสมัยก่อน เหมืองเกลือที่เป็นที่รู้จักแห่งเเรกของโลกก็อยู่ในเมืองนี้
เป็นถนนติดทะเลสาบ ซึ่งตลอดสองข้างทางเป็นร้านขายของที่ระลึก ที่ขาดไม่ได้คือเกลือที่ชาวบ้านนำมาใส่ขวดแก้วสีสวย ดูเก๋ไก๋ไปอีกแบบ รวมไปถึงภาพเขียนเมืองฮัลสตัทท์ในมุมต่างๆ
อยู่บนเชิงเป็นหมู่บ้านที่มีชื่อเสียงในการผลิตไวน์ขาวมีร้านอาหารที่ขายไวน์ เรียกว่าร้านฮอยริเกอร์ การได้ไปลองรับประทานอาหารแบบต้นตำหรับที่นั่นถือว่าเป็นประสบการณ์อย่างหนึ่ง
เมืองหลวงของ ประเทศออสเตรีย ได้ชื่อว่าเป็นนครแห่งเสียงดนตรี เนื่องจากเป็นเมืองที่มีนักแต่งเพลงคลาสสิกและกวีชื่อดังมากมายอย่าง บีโธเฟน, โยฮัน และ โมสาร์ท ให้คุณได้เพลิดเพลินกับความงดงามทางศิลปะ วัฒนธรรมและสถาปัตยกรรม อีกทั้งตามรอยประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจของเมืองโรแมนติกแห่งนี้
สร้างขึ้นเมื่อตอนกลางของศตวรรษที่ 16 จากปราสาทโบราณเดิม “แคตเตอร์เบิร์ก” โดยพระเจ้าแมกซิมิเลียนที่ 2 ทรงโปรดให้สร้างเป็นตำหนักชายป่า สำหรับล่าสัตว์และพักร้อน ต่อจากนั้น ตำหนักก็ถูกทำลาย โดยพวกเตอร์กที่รบรุกขึ้นมาจากตอนใต้ จักรพรรดิลีโอโปลด์ จึงทรงให้สร้างพระราชวังขึ้นใหม่อย่างงดงาม เพื่อให้เป็นพระราชวังฤดูร้อน (Summer Palace) โดยย่อแบบมาจากพระราชวังแวร์ซายสส์ในฝรั่งเศส
ถือเป็นสัญลักษณ์ของเมืองเวียนนา ตั้งอยู่ใจกลางเมือง ลักษณะเป็นโบสถ์ขนาดใหญ่ทรงสูง มียอดปลายแหลม ๆ หลายยอด เป็นสถาปัตยกรรมยุโรปแบบโกธิคที่อ่อนช้อยงดงามมาก ชาวออสเตรียนมีความผูกพันกับมหาวิหารเซนต์สตีเฟนเป็นอย่างมาก ทุก ๆ ปี ตอนเที่ยงคืนของคืนก่อนวันขึ้นปีใหม่ “พุมเมอริน” (Pummerin) อันเป็นระฆังที่ใหญ่ที่สุดใบหนึ่งของโลกจะดังกังวานขึ้น แล้วทั้งประเทศก็จะพากันเฉลิมฉลองความสุขด้วยท่วงทำนองของ “เพลงบลูดานูบ”
เป็นที่ประทับของจักรพรรดิในราชวงศ์แฮบส์บวร์ก ตั้งแต่พระองค์แรกจนถึงพระองค์สุดท้าย ปัจจุบันนี้ถือเป็นอาคารที่สำคัญของเมืองเป็นอย่างมาก บริเวณพระราชวังประกอบไปด้วย พิพิธภัณฑ์ โบสถ์ สวนและจตุรัส สิ่งที่น่าสนใจมีตั้งแต่ห้องจัดแสดงในหอสมุดแห่งชาติไปจนถึงวัตถุแวววาวในพระคลังสมบัติหลวง ที่นี่ยังเต็มไปด้วยเครื่องประดับล้ำค่า เรื่องราวทางประวัติศาสตร์และผลงานชิ้นเอกทางสถาปัตยกรรมและศิลปะ โดยส่วนหนึ่งของพระราชวังในปัจจุบันเป็นที่พำนักและทำเนียบของประธานาธิบดีออสเตรีย
เป็นที่ประชุมสภาออสเตรียมานับตั้งแต่ศตวรรษที่ 19 ในช่วงเวลาการปกครองโดยจักรพรรดิฟรันซ์ โยเซฟ รัฐสภาออสเตรียเป็นอาคารโอ่อ่าใหญ่โตที่สุดหลังหนึ่งบนถนน Ringstraße สถาปนิก Baron Theophil Hansen ออกแบบอาคารหลังนี้ในรูปแบบสถาปัตยกรรมฟื้นฟูกรีก ด้วยเสาต้นใหญ่ รูปปั้น และห้องโถงต่างๆ ภายในอาคาร
โรงละครที่จะทำให้คุณตื่นตาตื่นใจไปกับศิลปะการแสดงพร้อมดนตรีสุดอลังการ จากทีมอุปรากรกว่า 50 ทีมตลอดปี เรียกได้ว่าเป็นโรงอุปรากรที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในโลก สร้างขึ้นในปี 1869 ผ่านสงครามโลกครั้งที่สองและได้รับการบูรณะในปี 1950
สวนสาธารณะชื่อดังใจกลางกรุงเวียนนา สร้างขึ้นปี ค.ศ. 1862 สไตล์การตกแต่งแบบอังกฤษ เป็นที่นิยมมาพักผ่อนของคนในเวียนนา ในสวนนี้มีรูปปั้นคีตกวีอยู่เช่น Franz Schubert โดยเฉพาะท่าน Johann Strauss Junior ราชาเพลงวอล์ซ เป็นรูปปั้นสีทองอร่าม เจ้าของบทเพลง The Blue Danube ที่เลื่องชื่อมาจนถึงปัจจุบัน
เป็นถนนคนเดินและช้อปปิ้งสายสำคัญแห่งกรุงเวียนนา มีห้างสรรพสินค้า ร้านค้าต่างๆ เรียงรายตลอดสองข้างถนน ที่จะต้องถูกใจขาช้อปเพราะมีสินค้าให้เลือกมากมาย อาทิ เสื้อผ้าแบรนด์เนมยอดนิยม สินค้าแบรนด์เนมแบบนาฬิกา ROLEX , LOUIS VUITTON และอีกมากมาย อีกทั้งเครื่องแก้วคริสตัลเจียระไน ของสะสมหรือของที่ระลึกต่างๆ