เป็นเมืองใหญ่ที่สุดและเป็นเมืองหลวงของจังหวัดฟลานเดอร์ตะวันตก ในบริเวณเฟลมิช (Flemish) ในประเทศเบลเยียม ทิศตะวันออกเฉียงเหนือติดกับประเทศเนเธอร์แลนด์ ดังนั้น ภาษาดัตช์จึงค่อนข้างมีอิทธิพลในเขตนี้ และได้รับการประกาศกับยูเนสโกให้เป็นมรดกโลก ในปี ค.ศ. 2000 เป็นเมืองเก่าแก่ที่สวยงาม มีรูปแบบสถาปัตยกรรมสไตล์เฟลมิชบรูซที่เป็นเอกลักษณ์ ประกอบไปด้วยคูคลองเป็นจำนวนมาก จนได้รับการขนานนามว่า "เวนิชแห่ง ยุโรปเหนือ" เป็นเมืองที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์เป็นอย่างมาก
จตุรัสใจกลางเมืองบรูจส์แห่งนี้มีสีสันสวยงามไม่แพ้จตุรัสไหนในยุโรป มีทั้งอาคารหน้าจั่วสีสด หอระฆังสูงลิ่ว ร้านค้ามากมาย ทำให้ดูคึกคักอยู่ตลอดเวลา นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่มักจะมาตั้งต้นการเดินทางที่นี่ อาคารแต่ละหลังในจตุรัสนี้มีการตกแต่งแบบสวยงาม
หอคอยสูงเด่นกลางจตุรัส Market Square แห่งนี้มีความสูงถึง 83 เมตร เป็นสัญลักษณ์แห่งอำนาจและอิสรภาพของชาวบรูจส์ในช่วงยุคกลาง เปิดให้นักท่องเที่ยวสามารถขึ้นไปชมทิวทัศน์ของเมืองได้ ซึ่งสามารถชมวิวได้แบบ 360 องศา รอบเมืองบรูจส์ได้เลย บนหอคอยเป็นที่เก็บระฆังมากถึง 57 ใบ เวลาตีระฆังบอกเวลานี่จะส่งเสียงอย่างไพเราะ ระฆังใบที่มีชื่อเสียงที่สุดมีชื่อว่า Victory Bell มีขนาดกว้าง 2 เมตร หนักประมาณหกตัน
เมืองหลวงของประเทศเบลเยียม ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของสหภาพยุโรป (EU) มีประชากรมากกว่า 2,000,000 คน และเป็นเมืองเก่าแก่ที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์มากมาย นอกจากนี้ยังเป็นที่โด่งดังในเรื่องของช็อกโกแลตและเบียร์ที่ดีที่สุดในโลก
ตั้งอยู่ใจกลางของกรุงบรัสเซลล์ โดยเป็นสถานที่ท่องเที่ยวอันดับหนึ่งของเบลเยียมที่ใครมาเที่ยวเบลเยียมเเล้วจะต้องไม่พลาดมาเที่ยวชม จัตุรัสกรองด์ ปลาซ นั้นได้ชื่อว่ามีความสวยงามมากที่สุดของยุโรป เเละเเวดล้อมไปด้วยอาคารเก่าเเก่เป็นอย่างมากที่เต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมในเเบบบาร็อค, โกธิค เเละนีโอโกธิค เรียกว่าเป็นจุดรวมของบรรดาสถาปัตยกรรมเเนวต่างๆ ที่งดงามเป็นอย่างยิ่ง โดยที่นี่นั้นได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโก ในปี ค.ศ. 1998 อีกด้วย
ซึ่งเป็นประติมากรรมเด็กชายตัวเล็กๆกำลังยืนแอ่นตัวปัสสาวะอย่างน่ารัก ผู้สร้างประวัติศาสตร์และตำนานพื้นเมืองของชาวเบลเยี่ยมซึ่งมีการเล่าขานกันมาหลากหลายตำนาน เช่น มีเด็กชายชื่อจูเลียนสกี มาพบสายชนวนระเบิดกำลังติดไฟ จึงปัสสาวะรดเพื่อดับชนวนและป้องกันเมืองไว้ได้ ชาวเมืองจึงทำรูปแกะสลักนี้ เพื่อระลึกถึงความกล้าหาญ
เป็นสัญลักษณ์รูปโครงสร้างอะตอมที่ขยายใหญ่หลายล้านเท่าและสร้างขึ้นเป็นหอแสดงนิทรรศการระหว่างงาน Expo ปี 1958 ซึ่งตอนนี้ได้กลายเป็นแลนด์มาร์กใหม่อีกแห่งหนึ่งของเบลเยียมไปอย่างสมบูรณ์ อาคารไฮเทคแห่งนี้ มีความสูง 330 ฟุต ประกอบด้วยวัตุทรงกลม 9 ลูก แต่ละลูกมีเส้นผ่าศูนย์กลางขนาด 18 เมตร รวมน้ำหนักเบ็ดเสร็จแล้ว นวัตกรรมนี้หนัก 2,400 ตัน ใช้เวลา 18 เดือน ในการออกแบบ นานพอๆ กับระยะเวลาการสร้าง ภายในลูกกลมๆ ของ Atomium แบ่งเป็น จุดชมวิว ห้องอาหาร ห้องแสดงนิทรรศการ และตรงแกนกลางให้บริการด้วยลิฟท์ที่ว่ากันว่าเป็น ลิฟท์ที่เร็วที่สุดในยุโรป
นับว่าเป็นเมืองที่มีความเก่าเเก่อย่างมาของเยอรมนี สร้างขึ้นโดยชาวโรมันมาตั้งเเต่สมัยปี ค.ศ.50 โดยมันตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำไรน์ เเละเป็นเมืองที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของรัฐนอร์ทไรน์-เวสต์ฟาเลีย เเละใหญ่เป็นอันดับที่ 4 ของเยอรมันอีกด้วย พร้อมทั้งได้รับการยอมรับกันเลยว่าเป็นเมืองเเห่งศูนย์กลางของศิลปะเเละวัฒนธรรมในเขตลุ่มเเม่น้ำไรน์
มีอายุกว่า 700 ปี และเป็นมหาวิหารที่เป็นสัญลักษณ์ ประจำเมืองโคโลญจน์ เยอรมนี ความสำคัญของโบสถ์แห่งนี้ คือ เป็นหนึ่งในศูนย์กลางของศาสนาคริสต์นิกายโรมันแคธอลิกตั้งแต่สมัยโรมัน โดยเป็นที่ประทับของ อาร์คบิชอป และจักรพรรดิโรมันด้วย เป็นโบสถ์ขนาดใหญ่ที่มีความสวยงามอย่างมาก เป็นโบสถ์ที่มีสถาปัตยกรรมในเเบบโกธิคที่สวยงามเเละน่าหลงใหล รวมทั้งมีความศักดิ์สิทธิ์ของเเท่นบูชาที่ขึ้นชื่ออย่างมากเลยทีเดียว
เป็นแหล่งปลูกทิวลิปที่ใหญ่และสำคัญยิ่งของเนเธอร์แลนด์ ที่นี่จึงได้ชื่อว่าเป็นเมืองหลวงของดอกทิวลิป ที่ในเเต่ละปีจะมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาเที่ยวชมความสวยงามของดอกทิวลิปที่เมืองลิซเซ่อย่างมากมายเป็นประจำ เมืองลิซเซ่อยู่ห่างจากอัมสเตอร์ดัมเพียง 29 กิโลเมตร
เป็นสวนที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก ด้วยทิวลิปที่มีมากกว่า 7 ล้านต้นในแต่ละปี ออกดอกบานสะพรั่งอยู่ดูละลานตา สวนได้ถูกออกแบบไว้อย่างสวยงาม ประกอบไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่อันเก่าแก่ มีทางเดินอันร่มรื่น บ้างก็มีงานประติมากรรมประดับสวนอยู่เป็นระยะ มีสระน้ำและน้ำพุ มีศาลาจัดแสดงกิจกรรมต่างๆ เกี่ยวกับดอกไม้มากมาย มีการจัดสวนตัวอย่าง การวางแผนจัดปลูกไม้ดอกไม้ใบ มีร้านอาหาร 4 แห่ง รวมทั้งคอฟฟี่ชอป สวนเคอเคนฮอฟนี้ จะเปิดให้เข้าชมประมาณกลางเดือนมีนาคม ไปจนถึงปลายเดือนพฤษภาคมของทุกปี
นครหลวงแห่งประเทศเนเธอร์แลนด์ ประเทศที่ได้ชื่อว่าเป็นแผ่นดินอยู่ต่ำกว่าระดับน้ำทะเลปานกลาง และดินแดนแห่งกังหันลม ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำอัมสเทล (Amstel) เริ่มก่อตั้งประมาณคริสต์ศตวรรษที่ 12 อัมสเตอร์ดัมเป็นเมืองศูนย์กลางทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญแห่งหนึ่งของทวีปยุโรป โดยเฉพาะช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 17 ซึ่งเป็นช่วงยุคทองของเนเธอร์แลนด์
หมู่บ้านเล็กๆแต่มากด้วยเสน่ห์ ห่างจากเมืองอัมสเตอร์ดัม (Amsterdam) เพียง 15 นาที ปัจจุบันอยู่ในรูปแบบของพิพิธภัณฑ์กลางแจ้ง ประกอบด้วยกังหันลม บ้านเรือนเก่า โกดัง โรงนา โรงงาน มีการสาธิตการทำชีส การทำรองเท้าไม้ และมีร้านขายของที่ระลึกต่างๆ ที่เป็นสัญลักษณ์ของประเทศเนเธอร์แลนด์ (Netherlands) เช่น รองเท้าไม้ที่ใส่ได้จริง พวงกุญแจรูปรองเท้าไม้ กังหันลม ดอกทิวลิปทำด้วยไม้ ตุ๊กตา และเครื่องเซรามิกต่างๆ
เรือจะล่องไปตามลำคลองของแม่น้ำอัมสเทล (Amstel) ให้ได้เห็นบ้านเรือน แบบชาวดัชต์ที่สร้างมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 17 มีเอกลักษณ์พิเศษจะเป็นอาคารทรงแคบ ที่มีตะขออยู่ชั้นบนสุดของอาคารเอาไว้ขนเฟอร์นิเจอร์เข้าบ้านระหว่างเส้นทางล่องเรือผ่านบ้านเรือที่จอดอยู่ริมคลองที่มีอยู่มากถึง 2,500 หลัง ผ่านชมเขตที่เก่าแก่ที่สุดของกรุงอัมสเตอร์ดัม
อุตสาหกรรมการเจียระไนเพชรของเนเธอร์แลนด์ได้รับการยกย่องว่า ดีที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ชมขั้นตอนการคัดเลือกเพชรโดยละเอียดจากวิทยากรผู้เชี่ยวชาญตลอดจนขั้นตอนการเจียระไนเพชรให้เป็นอัญมณีที่มีค่าที่สุดท่านสามารถเลือกซื้อตามชอบใจพร้อม Certificate จากบริษัทฯ ที่มีชื่อเสียง